วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สวยหล่อด้วยฟิลเลอร์ อันตรายถึงขั้นตาบอด!!!

สวัสดีค่ะ สาวๆ lady lands ทุกคน วันนี้มีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพความสวยความงาม ที่เมื่อพูดถึงความสวยแล้วเนี่ย  เชื่อว่าผู้หญิงทุกคน ต้องอยากสวย อยากเด้ง ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่สวย จริงมะ?


 สวยหล่อด้วยฟิลเลอร์ อันตรายถึงขั้นตาบอด!!! 
          เมื่อก่อน อยากสวยหล่อทันใจ ก็ให้ผ่านมีดหมอ อาจใช้เวลาวัน ครึ่งวัน แต่ตอนนี้ สวยหล่อพริบตาแค่ผ่านเข็มหมอเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
               แน่นอนเรากำลังพูดถึงการ ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
               ”ฟิลเลอร์ เป็นสารที่ใช้ฉีดเสริมส่วนที่ขาดหายไปในชั้นผิวหนัง เช่น รอยแผลเป็นขนาดเล็ก หลุมสิว ร่องแก้ม ตีนกา ให้ดูเต็มและเต่งตึงขึ้นมาได้ ทำให้ใบหน้าเต่งตึงอ่อนเยาว์ขึ้นมาได้ทันตา และสิ่งที่ทำให้ฟิลเลอร์น่าสนใจมาก คือมันยังใช้ในการเสริมจมูก เสริมแก้มตอบ เสริมคาง และเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มอีกด้วย ฟิลเลอร์จึงกลายเป็นทางเลือกต้น ๆ สำหรับการเสริมหล่อเสริมสวยในยุคนี้ 
               และนั่นเป็นด้านสวยงามของฟิลเลอร์ที่คนส่วนใหญ่คิด จนลืมคิดถึงผลเสียของมัน
               นายแพทย์ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ และประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็ม ที่นิยมนำมาฉีดเสริมคาง เสริมจมูกและส่วนต่าง ๆ บริเวณใบหน้า แบ่งออกเป็นสองชนิด คือ ฟิลเลอร์ชนิดไม่สลายตัว เช่น ซิลิโคนเหลว และฟิลเลอร์ชนิดสลายตัว เช่น ไฮยาลูโรนิค แอซิด (hyaluronic acid) ก่อนหน้านี้แพทยสภาได้มี ประกาศห้ามนำฟิลเลอร์ชนิดไม่สลายตัวเข้ามาใช้ในประเทศ เพราะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภค และอนุญาตให้ใช้เฉพาะชนิดที่สลายตัวได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามยังพบว่าสารฟิลเลอร์ชนิดสลายตัว ก็ส่งผลทำให้ผิวหนังตายบริเวณที่ฉีดสาร และเกิดภาวะตาบอดในบางรายเช่นกัน
             ผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดสารฟิลเลอร์บริเวณใบหน้า พบได้ตั้งแต่การอักเสบติดเชื้อบริเวณที่ฉีด การเกิดก้อนแข็งเป็นไต แผลเป็นที่ใบหน้า ใบหน้าเสียรูปถาวร ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง เช่น ตาบอด และอัมพฤกษ์ อัมพาต แม้แต่การฉีดด้วยไขมันของตนเองก็เกิดได้เช่นกัน
          นายแพทย์ไพศาล กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากเส้นเลือดบริเวณใบหน้า มีการเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตาและสมอง ขณะฉีดสารฟิลเลอร์เกิดการหลุดของฟิลเลอร์เข้าไปในกระแสเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงดวงตา ส่งผลให้จอตา ขั้วประสาทตาขาดเลือด สูญเสียการมองเห็นถึงขั้นตาบอดได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจเกิดการอุดตันของเส้นเลือดสมอง ทำให้สมองขาดเลือด เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต แถมการรักษาผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็ทำได้ยาก เนื่องจากเนื้อเยื่อจะขาดเลือดและตายภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากเส้นเลือดอุดตัน
             ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์และเกิดความผิดพลาดขึ้น จะต้องอยู่กับความเสียหายและความพิการไปตลอดชีวิต!!
               ด้วยเทคนิคที่ทำง่าย เห็นผลสวยหล่อ ขึ้นผิดหูผิดตาในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้มีคนโหน กระแสตั้งตนเป็นหมอเถื่อน หมอกระเป๋า หิ้วกระเป๋าไปรับฉีดตามที่ต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ บางคนเป็นแค่เคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ เห็นว่าแพทย์ฉีดง่าย ๆ ก็คิดว่าตนเองฉีดได้ บางทีก็มีการนำสารที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์ เช่น ซิลิโคนเหลว หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอมมาฉีดเพราะคิดว่าแทนกันได้ ผู้ที่ใช้บริการก็ไม่รู้เช่นกัน ยิ่งเห็นราคาถูกกว่ากันมากก็ยิ่งจูงใจ โดยลืมคิดถึงผลเสียที่จะตามมา
               ที่ผ่านมาในประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงทางตาจากการฉีดสารฟิลเลอร์ เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณรอบดวงตา เช่น ดั้งจมูก ขมับ หน้าผาก ผู้ป่วยเกิดการสูญเสียการมองเห็นมีหลายระดับ บางรายตาบอดสนิท การตรวจตาพบว่ามีการอักเสบในตา จอประสาทตาซีด ขั้วประสาทตาบวม จากการขาดเลือดมาเลี้ยงที่ตา มีผู้ป่วยที่การอุดตันของเส้นเลือดที่สมองร่วมด้วย ทำให้หมดสติทันทีหลังได้รับการฉีด และเมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวพบว่าเป็นอัมพฤกษ์ และตาบอดสนิทหนึ่งข้าง นอกจากนี้ยังพบภาวะตาบอดหลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วมากกว่าสิบราย ส่วนสถิติที่ประเทศเกาหลี มีรายงานพบ 44 ราย ที่สหรัฐอเมริกาก็มีรายงานการเกิดตาบอดจำนวน 3 ราย ตีพิมพ์ในวารสารทางจักษุวิทยาที่เชื่อถือได้
               คุณหมอไพศาล ย้ำว่า ผลแทรกซ้อนรุนแรงที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ตามที่กล่าวมา แม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่หากเกิดขึ้นแล้วรักษายาก อาจทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นและทุพพลภาพอย่างถาวรได้ ผู้ที่ต้องการรับการฉีดสารฟิลเลอร์จึงควรศึกษาถึงข้อมูลต่าง ๆ ข้อดี ข้อเสีย และควรตระหนักถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ร่างกาย
              อยากสวย หล่อ ต้องคิดและศึกษาให้เยอะก่อนตัดสินใจนะจ๊ะ  ไม่เช่นนั้น จากอยากสวย อยากหล่อ จะกลายเป็น ปัญหาที่แก้ไม่ได้ตลอดทั้งชีวิต!!


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก:คอลัมน์ หมายเหตุประชาชน  เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น