“กลิ่นตัว” เกิดจากสารที่สร้างมาจากต่อมกลิ่น
(apocrine gland) ซึ่งพบมากที่บริเวณรักแร้และหัวหน่าว
ต่อมกลิ่นพบได้ตั้งแต่เกิด แต่จะเริ่มทำงานในช่วงวัยรุ่น
มีหน้าที่คือการสร้างกลิ่น ซึ่งเป็นลักษณะทางเพศแบบหนึ่ง
สารที่หลั่งจากต่อมกลิ่นประกอบด้วยกรดไขมันหลายชนิด
(fatty acid, sulfanyl alkanols และ steroid) มีลักษณะเหลวข้น ไม่มีกลิ่น เมื่อหลั่งออกมาด้านนอกของผิว
หนังสารดังกล่าวจะถูกเชื้อแบคทีเรีย (Corynebacteria spp.) เปลี่ยนให้เป็นสารที่มีกลิ่น
ซึ่งคือแอมโมเนียและกรดไขมันสายสั้น
การมีกลิ่นตัวที่มากหรือแรงจะทำให้ไม่เป็นที่น่าพอใจของผู้คนรอบข้าง
กลิ่นตัวที่มากนี้จะทำให้บุคคลขาดความมั่นใจหรือมีคุณภาพชีวิตที่ลดลง
อากาศร้อนหรือการรักษาสุขอนามัยที่ไม่สะอาดจะทำให้มีกลิ่นตัวมากขึ้น
กลิ่นตัวจะมาจากต่อมกลิ่น
ต่างกับเหงื่อที่มาจากต่อมเหงื่อกลิ่นตัวอาจมาร่วมกับภาวะเหงื่อออกมากหรือไม่ก็ได้
โดยปรกติเหงื่อที่หลั่งมาจากต่อมเหงื่อจะไม่มีกลิ่น
แต่บางภาวะอาจทำให้เหงื่อมีกลิ่นได้ เช่น รับประทานกระเทียม แกง หรือยาบางชนิด
การรักษาและป้องกัน
o -การรักษาสุขอนามัยให้สะอาด
ล้างบริเวณรักแร้บ่อยๆด้วยน้ำสะอาดจะลดปริมาณสารก่อกลิ่นที่หลั่งจากต่อมกลิ่นได้
การล้างด้วยสบู่ฆ่าเชื้อจะช่วยลดปริมาณแบคทีเรีย แต่ ไม่ควรล้างบ่อย
เพราะอาจเกิดการระคายเคือง
o หลีกเลี่ยงภาวะที่ร้อนจัด ภาวะอบ อับชื้น
o -การใช้ยาระงับกลิ่นกาย (deodorants)
ซึ่งมีส่วนประ กอบหลายอย่าง เช่น สารลดเหงื่อ สารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
สารลดกลิ่นที่สร้างขึ้น และน้ำหอม จะช่วยลดกลิ่นตัวได้
o -การใช้ยาระงับเหงื่อ (antiperspirants)
ส่วนมากจะมีส่วนประกอบของโลหะ เช่น อะลูมิเนียมคลอไรด์ (alumi
nium chloride) ซึ่งจะไปอุดท่อต่อมเหงื่อ ลดการหลั่งเหงื่อ
ทำให้ผิวหนังแห้ง และแบคทีเรียที่ก่อกลิ่นตัวเติบโตไม่ดี สามารถลดกลิ่นตัวได้
o -การใช้น้ำหอมฉีดพ่นเพื่อกลบกลิ่นตัว
แต่ต้องระวังผื่นแพ้น้ำหอมที่อาจเกิดขึ้นได้
o -การโกนขนบริเวณรักแร้เพื่อป้องกันแบคทีเรียและการสะสมของสารก่อกลิ่น
o -การใช้สบู่ฆ่าเชื้อเพื่อลดแบคทีเรีย
o -การฉีดโบทอกซ์ เพื่อลดการสร้างสารก่อกลิ่น
o -การผ่าตัดเอาต่อมกลิ่นออก เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี
แต่อาจมีผลข้างเคียงหลังการรักษา เช่น มีแผลเป็น การติดเชื้อ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
คอลัมน์
พบหมอศิริราช : อ.พญ.จรัสศรี ฬียาพรรณ
โลกวันนี้วันสุข
ฉบับวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น