วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เทรนด์แฟชั่น 2015 สีไวน์แดง กำลังมา ! Pantone ประกาศสีมาแรง

 Pantone Inc.  บริษัทชื่อดังด้านเทรนด์สีในระดับสากล ได้ประกาศโทนสีมาแรงประจำปี 2015 แล้ว  การคัดเลือกก็ไม่ได้ไก่กาอาราเล่นะยะเธอ เพราะบริษัทจะทำการประชุมลับ 2 ครั้ง ในแต่ละปี มีตัวแทนกลุ่มมาตรฐานสีจาก หลายประเทศเข้าร่วมประชุมเพื่อ พูดคุยหารือกัน โดยผลจากการประชุมจะถูกนำเสนอผ่านทาง Pantone view ซึ่งนักออกแบบ ดีไซน์เนอร์ เครื่องสำอางค์ และบริษัทที่ต้องใช้เรื่องโทนสีเพื่อเอาใจลูกค้า สามารถนำไปเป็นแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์ในอนาคตได้
โดยผลคัดเลือกก็ออกมาแล้วจ้าว่าคือสี  “ Marsala” สีโทนไวน์แดง ที่แสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างเป็นธรรมชาติ และแดงราวกับดิน สื่อถึงความอิ่มบริบูรณ์ของมื้ออาหาร แฝงไปด้วยความงดงามของความซับซ้อนของชั้นดิน ว่ากันง่ายๆก็คือ สีไวน์แดงที่คล้ายๆดินลูกรังนั่นแหละเธ๊อ !
เทรนด์สีไวน์แดงเทรนด์สีไวน์แดง
เทรนด์แฟชั่น 2015
เทรนด์แฟชั่น 2015

เทรนด์แฟชั่น 2015  pantone5f-8-web
Marsala dress ของ สาว Blake Lively แบรนด์ Gucci  และ Emilia Clark ในเดรสของ Zac Posen gown
เรียกได้ว่า สีนี้เป็นสีที่ใช้ได้ทั้งเพศชายเพศหญิงเลย  บอกเลยว่า สีนี้เกิดแน่นอน เพราะสามารถจับคู่กับยีนส์หรือสีโทนเรียบได้อย่างเหมาะสม ใครที่เป็นสาวกมินิมอล บอกเลยสีนี้เลิฟสุดจ้า ส่วนใครที่อยากตามเทรนด์นี่ต้องรีบหาซื้อเสื้อผ้าโทนนี้มาใส่ในตู้ไว้นะจ๊ะ ไม่งั้นเอ้าท์ตกเทรนด์ไม่รู้นะ 

ที่มา MeeKkhao , Womanshealth , Pantone 
เรียบเรียงโดย Woman Mthai Team

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

10 ทริคบำรุงผิวก่อนนอน เพื่อตื่นมาพร้อมความนุ่มเนียน

ผิวสวย





          สมบัติที่ล้ำค่าอย่างหนึ่งของเราก็คือผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวหน้าซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนที่ปะทะกับสายตาก่อนส่วนอื่นใดในร่างกาย ถ้ามันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด คือกระจ่างใส และเนียนนุ่มชุ่มชื้น ก็จะทำให้คุณเป็นสาวผิวใสชวนมอง ทว่าในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับปัจจัย ที่ทำร้ายผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะจากท่อไอเสีย รังสียูวี และฝุ่นละอองต่าง ๆ ผิวจึงแห้งกร้าน และหมองคล้ำลงไป อันจะทำให้ผิวร่วงโรยไปได้ก่อนเวลาอันควร เช่นนี้แล้วเราจึงต้องหันมาบำรุงผิวหน้าเสียให้ดี โดยมีเวลาก่อนนอนนี่แหละค่ะที่ควรอุทิศให้กับการเอาใจใส่มัน ลองมาดู 10 ทริคบำรุงผิวยามก่อนนอนเพื่อตื่นมาพร้อมผิวที่สดใสกันค่ะ 
  
         1. ล้างหน้าให้สะอาด 

          ไม่ว่าคุณจะแต่งหน้าหรือไม่ ยังไงเสียยามก่อนนอนก็จำเป็นต้องล้างหน้าให้สะอาดเสมอ เพื่อเป็นการทำความสะอาดรูขุมขน ชะล้างเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะอยู่บนผิวหน้าออกไป ป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งจะนำมาสู่ปัญหาสิวและผิวระคายเคือง 

         2. บำรุงตามทันทีด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ 

          หลังจากล้างหน้าสะอาดหมดจดแล้ว ให้บำรุงผิวตามทันทีด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อให้ผิวล็อกความชุ่มชื้นเอาไว้ได้มากที่สุด สาวผิวมันควรบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ชนิด water-based ส่วนสาวผิวแห้งให้ใช้สูตรน้ำนมหรือแบบ oil-based แทนค่ะ 

         3. สครับผิวเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง 

          ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มผืนเล็ก ๆ จุ่มน้ำอุ่น บิดหมาด ๆ แล้วนำมาวางบนผิวหน้า การทำเช่นนี้จะทำให้รูขุมขนเปิดและผิวหนังนุ่มขึ้น จากนั้นให้ใช้สครับสูตรอ่อนโยนขัดผิวอย่างนุ่มนวล ทั้งสิ่งสกปรกจากรูขุมขน และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วก็จะหลุดลอกออกมา ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น 

         4. กินผักและผลไม้ก่อนอาหารมื้อเย็นเป็นการเติมน้ำให้ผิว 

          ก่อนอาหารมื้อเย็นให้รองท้องก่อนด้วยผักและผลไม้ ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายดูดซึมวิตามินและประโยชน์จากผักผลไม้เหล่านั้นได้ดีที่สุด โดยเฉพาะแตงโม เมลอน และส้ม ซึ่งช่วยเติมน้ำให้ผิว หากเลือกเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงก็จะยิ่งได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นหลายเท่า ผิวจะทั้งชุ่มชื้นและกระจ่างใสเลยค่ะ 

         5. ดื่มน้ำหนึ่งแก้วก่อนเข้านอน 

          ก่อนเข้านอนราว 1-2 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำให้ได้ 1 แก้ว เพื่อให้น้ำช่วยขับของเสียในร่างกาย และเติมน้ำให้ระบบภายในต่าง ๆ สดชื่น ทำงานได้ดี และช่วยให้ผิวสวยสดใสได้ด้วยนะคะ 

ผิวสวย

         6. ทาโลชั่นให้ผิวกายก่อนเข้านอน 

          หลังจากบำรุงผิวหน้ากันไปแล้วก็ต้องไม่ละเลยผิวกายเช่นกัน ด้วยการทาโลชั่นให้ผิวกายก่อนเข้านอน โดยเน้นบริเวณที่หยาบกระด้างอย่างข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม และส้นเท้า สาวผิวมันถึงธรรมดาให้ทาโลชั่นที่ซึมไวไม่เหนอะผิว ส่วนสาวผิวแห้งลองเลือกเป็นบัตเตอร์ครีมดูนะคะ 

         7. มือ-เท้านุ่มด้วยวาสลีน 

          สาว ๆ ที่อยากให้มือและเท้านุ่มเป็นพิเศษ ก่อนล้มตัวลงนอนให้ทาด้วยวาสลีนบาง ๆ แล้วนวดให้ซึมสู่ผิวได้มากที่สุด ก่อนจะใส่ถุงมือและถุงเท้านอน รับรองว่าเมื่อทำเป็นประจำแล้วมือกับเท้าของคุณจะนุ่มมาก ๆ เลยล่ะ  

         8. ใส่ชุดนอนที่ระบายอาศได้ดี 

          ชุดนอนที่บางเบา ไม่รัดแนบผิว และระบายอากาศได้ดี จะทำให้คุณนอนหลับสบาย แถมผิวยังหายใจได้ จึงรู้สึกสบายผิวทั้งคืน และตื่นมาพร้อมผิวสุขภาพดี 

         9. พยายามหลับด้วยท่านอนหงาย 

          การนอนหงายเป็นท่านอนที่ถนอมผิวหน้ามากที่สุด เนื่องจากผิวหน้าไม่ถูกกดทับหรือเสียดสีกับหมอน แต่หากกลัวว่าจะนอนแล้วปวดหลังให้นำหมอนใบเล็ก ๆ มาหนุนหลังเข่า ก็จะช่วยให้จัดท่าให้ร่างกายอยู่ในสรีระที่เหมาะสมได้

         10. ทำใจให้สบายผ่อนคลายก่อนนอน 

          การทำใจให้สบายจะทำให้นอนหลับสนิทได้อย่างเต็มอิ่ม ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ ผิวพรรณก็ได้พักผ่อนพร้อมทั้งฟื้นฟูตัวเอง จึงตื่นความผิวสวยและรู้สึกสดใส ซึ่งการทำจิตใจให้ผ่อนคลายนี้ คุณสามารถทำได้ทั้งการนั่งสมาธิ ฟังเพลงเบา ๆ หรือหยดน้ำมันอโรมาหอม ๆ สัก 1-2 หยดที่ปลอกหมอนก็ได้เช่นกันค่ะ


          เวลานอนนอกจากร่างกายจะได้พักผ่อนแล้ว ก็เป็นเวลาให้ผิวพรรณได้ผ่อนคลายรวมทั้งซ่อมแซมตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดอย่าลืมนอนแต่หัวค่ำค่ะ และบำรุงผิวตาม 10 วิธีที่เรานำมาฝากกันด้วยนะคะ 

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : kapook.com

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ดูแลผมแห้งเสียให้อยู่หมัดด้วย 7 ทริคง่าย ๆ

ผมสวย





          โอ๊ย โอ๊ย ผมแห้งเสียชี้ฟูไม่เป็นทรง ยิ่งหน้าฝนที่มีความชื้นแบบนี้ผมที่ตั้งใจเซตมาเป็นอย่างดีจากที่บ้าน ก็กลับกลายเป็นรังนกให้ต้องเจ็บใจและขายหน้า ขนาดว่าหมั่นบำรุงด้วยวิธีต่าง ๆ มาก็แล้ว แต่ผมที่แห้งเสียก็ยังไม่ดีขึ้น ถ้าอย่างนั้นลองมาดูแลผมแห้งเสียแตกปลายด้วย 7 ทริคต่อไปที่เรานำมาฝากกันดีไหมคะสาว ๆ
       1. เลี่ยงการใช้ความร้อน

          รู้ทั้งรู้ว่าความร้อนจะทำให้ผมแห้งเสีย แต่ผู้หญิงเราก็อดไม่ได้ที่อยากจะมีผมตรงสวย หรือผมดัดลอนพลิ้ว ๆ ในบางวัน จนต้องพึ่งเจ้าเครื่องรีดผมไฟฟ้า หรือลอนไฟฟ้า ซึ่งก็ลงท้ายต้องมานั่งกลุ้มใจกับผมหยาบกระด้าง แห้งแตกปลายในที่สุด และถ้าไม่อยากให้ผมเสีย ก็ต้องเลี่ยงความร้อนที่จะสามารถทำลายเส้นผมได้ทุกชนิด โดยเลี่ยงไดร์เป่าผม แล้วเปลี่ยนมาใช้พัดลมเป่าผมให้แห้งแทน หรือจะเป่าด้วยพัดลมให้แห้งก่อนพอประมาณ แล้วค่อยใช้ไดร์จัดแต่งทรงอีกที หรือจะปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งเองโดยธรรมชาติก็ได้ แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องจัดแต่งทรงผมด้วยเครื่องรีดผม หรือลอนไฟฟ้า ก็หาโอกาสสักสัปดาห์ละ 2 วัน ที่ไม่ค่อยจะได้พบเจอผู้คนมากนัก ปล่อยให้ผมได้อยู่อย่างสบาย ๆ ไม่ต้องเจอความร้อนดูบ้างก็จะดีมาก ๆ ค่ะ

       2. บำรุงอย่างถูกต้อง

          สูตรบำรุงผมด้วยของธรรมชาติ ประเภท ไข่ไก่ อะโวคาโด มายองเนส น้ำมันมะกอก เป็นที่นิยมก็จริง แต่ค่อนข้างยุ่งยาก เหนียวเหนอะหนะล้างออกยากด้วย และยิ่งคุณพยายามจะล้างออกจากผมเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นการทำลายเส้นผมมากเท่านั้น ดังนั้นบำรุงด้วยทรีทเม้นท์หลังสระทุกครั้ง แล้วตามด้วยใส่ออยล์สักหยด 2 หยดก็พอ นอกจากนี้หากผมของคุณแห้งเสียมากถึงขีดสุด ถ้าเป็นไปได้ หลังสระผม พยายามบำรุงอย่างล้ำลึกด้วยทรีทเม้นท์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม หมักทิ้งไว้ 30 นาที ประมาณสัปดาห์ละ 3 ครั้งด้วย ก็จะช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่แห้งเสีย ให้กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้วล่ะ

       3. อย่าสระผมบ่อย
          เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินมาบ้างว่าการสระผมบ่อย ๆ หรือสระผมทุกวันจะยิ่งทำลายน้ำมันธรรมชาติในเส้นผม และทำให้ผมแห้งเสียแตกปลาย ดังนั้นหากวันไหนที่ไม่ได้ออกแดด เจอมลพิษ หรือเหงื่อออกมากนัก ก็ไม่จำเป็นต้องสระผมก็ได้ หรือถ้าอยากสระก็ไม่ต้องใช้แชมพู ใช้แค่ครีมนวดผมหรือทรีทเม้นท์ก็พอ และเป่าให้แห้งด้วยพัดลม เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันธรรมชาติในเส้นผมถูกทำลายมากนัก หากเลี่ยงการสระผมได้จะรู้สึกว่าผมเงางาม และยาวขึ้นด้วยค่ะ

ผมสวย
       4. เลือกใช้หวีให้ถูก

          หวีก็มีส่วนทำลายเส้นผมเราได้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้หวีให้ถูกต้อง โดยอย่าใช้หวีที่มีขนแปรงแข็งจนเกินไป เพราะจะทำให้ผมหลุดร่วง ควรเลือกใช้หวีที่มีส่วนฐานนุ่ม ๆ และมีปลอกยางหุ้มตรงส่วนปลายของขนแปรง หวีที่มีขนแปรงนุ่มนิ่มจะช่วยลดความระคายเคืองให้หนังศรีษะและเส้นผมของเราได้ หรือควรใช้หวีซี่ห่าง ค่อย ๆ หวีผม ก็จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ ทั้งนี้ไม่ควรหวีผมหรือสางผมในขณะที่ผมเปียกหรือมีความชื้นด้วย เพราะผมที่เปียกหรือมีความชื้น จะเป็นช่วงที่ผมอ่อนแอ ง่ายต่อการถูกทำลายมากที่สุด

       5. เคลือบด้วยน้ำมันมะพร้าว

          น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถคืนความชุ่มชื้นให้ผมที่แห้งเสีย และช่วยบำรุงเส้นผมที่แห้งแตกปลายให้กลับมามีสุขภาพดีได้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่ควรจะใช้ในปริมาณมากเกินไป เพียงแค่หยดน้ำมันมะพร้าวสัก 1-2 หยดลงบนฝ่ามือ แล้วถูมือให้ทั่ว จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือเสยผมให้ทั่วตั้งแต่โคนผมจรดปลายผม ทำคล้าย ๆ จะเสยผมมัดสูง หรือจะใช้วิธีก้มหัว แล้วค่อย ๆ ไล้ฝ่ามือจากโคนผมลงมาจนสุดปลายผมก็ได้ ทำอย่างนี้เป็นประจำก็จะเห็นได้ชัดว่า ผมมีความเงางาม และมีสุขภาพที่ดีขึ้น

       6. ล้างสารเคมี

          ทุกวันเราใช้ผลิตภัณฑ์กับเส้นผมมากมายหลายชนิด ทั้งเจลแต่งผม สเปรย์จัดแต่งทรง ทำสี ยืดหรือดัดซึ่งสารเคมีจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ล้วนมีสิทธิ์ตกค้างอยู่ในเส้นผมเราทั้งสิ้น และเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมของเราแห้งเสียแตกปลาย ดังนั้นเราจึงควรล้างสารเคมีให้เส้นผมบ้าง ซึ่งก็ทำได้หลายวิธี ทั้งไปดีท็อกซ์ผมที่ร้านเสริมสวย หรือจะเลี่ยงไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเลยเป็นเวลา 1 เดือน หรือมากกว่านั้นก็จะยิ่งดี และถ้ามัดผม ก็ไม่ควรมัดหางม้าสูงเกินไป มัดต่ำ ๆ ก็พอ เพื่อไม่ให้ผมและหนังศรีษะถูกดึงรั้งนะคะ

       7. กินอาหารบำรุงผม

          การบำรุงผมอย่างล้ำลึกจากภายในเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมที่ดีอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งอาหารที่จะช่วยให้ผมมีสุขภาพดีก็ได้แก่ อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น ถั่ว ปลาแซลมอน ไข่ นม เต้าหู้ และสารอาหารประเภทไขมันดี เช่นไขมันจากปลา โอเมก้า 3 เป็นต้น โดยโปรตีนจะเข้าไปบำรุงเส้นผมส่วนที่สึกหรอ และเสริมสร้างโครงสร้างผมให้แข็งแรง ป้องกันผมถูกทำลาย และช่วยให้ผมยาวขึ้นได้ ส่วนไขมันดีก็จะช่วยให้ผมเงางาม นุ่มสลวย ชุ่มชื้น น่าสัมผัส


          สาวคนไหนที่มีปัญหาผมแห้งเสียแตกปลาย จนเริ่มรับสภาพผมตัวเองไม่ไหว ก็ลองนำทริคดูแลผมทั้ง 7 ที่เรานำมาฝากไปใช้กันดู รับรองเลยว่าถ้าทำตามนี้ได้ทั้งหมด ผมที่เคยแห้งเสียจัดทรงยากจนกลุ้มใจ จะกลับมาสวยงามดูสุขภาพดีในอีกไม่ช้านี้แน่ ๆ จ้า


ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : kapook.com

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

9 เคล็ดลับง่ายๆที่จะทำให้เล็บยาวเร็วขึ้น..

นอกจากเรื่องหน้าตาแล้ว ไม่ว่าหญิงหรือชาย เรื่องเล็บก็ถือว่าเป็น
เรื่องสำคัญอีกเรื่องนึง
หลายๆคนมีปัญหาเรื่องเล็บยาวช้า เล็บไม่สวย ให้หงุดหงิดใจยิ่งนัก
วันนี้เรามีเรื่องราวเคล็ดลับที่ทำให้เล็บยาวเร็วมาฝาก ลองทำดูนะคะ

..มาค่ะ..


คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงทั้งหลาย หากคุณกำลังมองหาเคล็ดลับหรือวิ
ธีที่จะทำให้เล็บยาวเร็ว วันนี้เรามีวิธีการง่ายๆที่จะทำให้เล็บยาวเร็วมาแนะ
นำค่ะ รับรองว่าทำได้ไม่ยาก และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดีมากเลยทีเดียว
เพราะการทำให้เล็บยาวเร็วไม่ใช่เพียงแค่ไว้เล็บออกมาให้ดูสวยเก๋อย่าง
เดียวนะคะ เราต้องทำให้เล็บแข็งแรง มีสุขภาพดีด้วย ไม่เสียไม่ซีดหรือ
เหลือง ไม่ฉีกขาดง่ายจนเป็นอันตรายต่อนิ้วของคุณ ถ้าเล็บยาวและสวย
ดูดีคุณก็อวดเพื่อนๆหรือคนรอบข้างได้แล้วค่ะ






1. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการใช้วิตามิน
เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เล็บยาวเร็วนั้น คือคุณต้องได้รับวิตามิน
ต่างๆ อย่างครบถ้วนในแต่ละวัน นั้นคือวิตามิน A, B, C และ D วิตามิน
เหล่านี้มันจะช่วยสร้างเล็บและทำให้เล็บคุณสมบูรณ์อีกด้วย


2. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการออกกำลังกายนิ้ว
คุณรู้ไหมว่าการให้เลือดได้ไหลเวียนไปยังนิ้วมือของคุณบ่อยๆ เป็น
เคล็ดลับการทำให้เล็บยาวเร็วได้อย่างดีเลย ไม่ว่าจะเป็นเล่นเปียโน
ทำอาหาร หรือแม้แต่การทำงาน ลองสังเกตดูซิว่า ถ้าคุณได้ทำงาน
ด้วยการกดคีย์บอร์ดบ่อยๆ เล็บของคุณจะยาวไวขึ้นมาทันทีเลย


3. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการทำความสะอาดและชุ่มชื้น
หนึ่งในเคล็ดลับที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เล็บยาวเร็วขึ้นและมีสุขภาพ
แข็งแรง นั้นคือคุณต้องทำความสะอาดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ
ให้มือของคุณชุ่มชื้น อาจทาน้ำมันสำหรับดูแลเล็บเพื่อป้องกันเล็บ
แตกลอก และขจัดหนังกำพร้าออกไปด้วย 








4. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการทานอาหารให้ครบ
การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอกจากจะมีผลดีต่อร่างกายแล้ว
มันยังช่วยในการเจริญเติบของส่วนต่างๆ รวมถึงเล็บด้วย คุณควรกินมัน
ให้พอดี ให้เกิดความสมดุล และในแต่ละวันควรบริโภคโปรตีนไขมันต่ำ เส้นใย
และวัตถุดิบที่สดใหม่อยู่เสมอ เพื่อความงามของเล็บคุณนะ


5. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการถูเล็บ
ถูเล็บเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยทำให้เล็บยาวเร็วขึ้น ลองนำกระเทียม
มาถูเล็บประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก ล้างต่อเพื่อลดกลิ่นกระเทียม
ด้วยการใช้มะนาวถูเล็บและนิ้วมือซ้ำอีกครั้ง กระเทียมจะช่วยให้เล็บ
คุณงอกใหม่อย่างแข็งแรงค่ะ


6. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการตัดเล็บ
การตัดเล็บออกบ้างเป็นการช่วยทำให้เล็บยาวเร็วขึ้น และยังเป็นการ
ขจัดเล็บที่เสียหาย แต่อย่าลืมว่า อย่ากัดเล็บนะ เพราะมันไม่ดีหรอก
นอกจากจะทำให้บุคลิกเสียแล้ว เล็บยังดูไม่สวยอีกด้วยนะ







7. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการแช่น้ำ
เคล็ดลับอีกอย่างที่จะทำให้เล็บยาวเร็วนั่นคือการแช่นิ้วมือลงไปในน้ำ
ส้มคั้นสัก 10 นาทีแล้วล้างออก น้ำส้มคั้นจะเต็มไปด้วยวิตามินซีและกรด
โฟลิค ที่เป็นสารเร่งการยาวของเล็บนั้นเอง


8. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการป้องกันและดูแล
วิธีการที่ง่ายที่สุดอีกวิธีคือ การปกป้องนิ้วมือของตัวเอง จากสิ่งที่มี
ฤทธิ์กัดกร่อนหรือทำร้ายผิวมือ หรือเล็บ อาทิเช่น ผงซักฟอง น้ำยา
ล้างจาน ควรเลือกที่มีความอ่อนโยน หรืออาจจะสวมถุงมือในขณะล้าง
จานหรือทำความสะอาดก็ช่วยได้เหมือนกันนะ นอกจากนี้ยังควรหลีก
เลี่ยงการใช้น้ำยาล้างเล็บบ่อยๆ เพราะมันจะทำให้เล็บของคุณแห้งได้


9. ทำให้เล็บยาวเร็วด้วยการเก็บไฮเดร
เคล็ดลับสุดท้ายและอาจจะสำคัญที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตของเล็บ
นั้นคือ การดื่มน้ำ ทุกๆคนรู้ว่าการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้วต่อ
วัน ดีต่อสุขภาพ แต่คุณควรรู้เพิ่มเอาไว้อีกน้ำ เป็นสิ่งจำเป็นทำให้เล็บยาว
เร็วและยังช่วยทำให้เล็บแข็งแรงอีกด้วย ดื่มน้ำเยอะๆ รับรองว่าประโยชน์
แน่นอน




นี่ก็เป็น 9 เคล็ดลับทำให้เล็บยาวเร็วที่เรามาแนะนำคุณสาวๆ สำหรับที่
อยากไว้เล็บ และเล็บยาวไม่ทันใจ แต่คงไม่มีเคล็ดลับใดจะดี ถ้าหาก
ตัวคุณเองไม่มีความพยายาม และจริงจังที่จะทำ แล้วคุณล่ะ มีเคล็ดลับ
ทำให้เล็บยาวเร็วอะไรดีๆ มาแนะนำเราบ้างไหมบอกกันมาเลยจ้า

ที่มา : Allwomenstalks

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ช็อกโกแลตกับสุขภาพ ทานพอดีไม่มีอ้วน

เคยไหม เวลาจะกินช็อกโกแลตอันโปรดที่ไร ต้องมีมารผจญ (ที่มีเจตนาดี) มากคอยบอกว่า “เดี๋ยวอ้วนนะ” ไม่ก็ “เดี๋ยวสิวขึ้นนะ” ทำให้เราหมดอารมณ์ จะกินอย่างมีความสุข สำหรับคุณหนูๆทั้งหลายก็อาจจะโดนขู่เอาบ่อยๆว่า “กินช็อกโกแลตมากๆ เดี๋ยวก็ฟันผุหรอก” เป็นอันว่าช็อกโกแลตกลายเป็นอาหารต้องห้าม ที่พอจะกินทีไรเป็นต้องรู้สึกผิดทุกครั้งอย่างกับทำเรื่องไม่ดีซะอย่างนั้น แต่ข่าวดีสำหรับคนรักช็อกโกแลตทั้งหลายได้มาถึงแล้วเพราะที่เมืองนอกเมืองนา เขาได้ทำการวิจัยกันหลายอย่าง ผลรวมๆก็ออกมาให้เราได้โล่งใจกันว่าช็อกโกแลตไม่ใช่ตัวการของอาการหรือสถาพทั้งหลายที่ว่ามาไม่ว่าจะเป็นความอ้วนสิวหรือฟันผุ
ว่ากันด้วยเรื่อง ความอ้วน ซึ่งสำหรับบางคน โดยเฉพาะสาวๆแล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตก็ว่าได้ วันไหนกินมากหน่อย เป็นอันต้องชั่งน้ำหนักทุกชั่วโมง เผื่อโชคดี ตัวเลขบนหน้าปัดมันจะถ่อยหลังให้ตัวเบา ใจเบายิ่งถ้าช่วงนั้นตามใจปากได้กินช็อกโกแลตที่อยากมานานแต่ต้องอดใจไว้ ด้วยแล้ว จะเกิดอาการประสาทเสีย ตายละหว่า ฉันจะทำแผนลดน้ำหนักพังก็คราวนี้เอง
อันที่จริงแล้วช็อกโกแลตก็เหมือนกับอาหารทุกอย่างบนโลกนี้ กินมากเกินความต้องการของร่างกายเมื่อไหร่ ก็กลายเป็นไขมันสะสม ยิ่งไม่ออกกำลังกายด้วยแล้วสุดท้ายก็อ้วนตามระเบียบแต่ หากคุณรู้จักการวางแผนการกิน คำนวณแคลอรี่ของอาหารที่จะกินในแต่ละวัน แต่ละมื้อ โดยยึดหลักโภชนาการที่ถูกต้อง รวมทั้งใช้พลังงานมากๆ หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้วละก็ คุณก็จะสามารถรวมเอาช็อกโกแลตเข้าเป็นอาหารว่างประจำวันได้ บางคนอาจเลือกที่จะกินช็อกโกแลตทุกวันอย่างที่ใจปรารถนา แต่ยอมลดปริมาณจำพวกไขมันลง หลักการง่ายๆ แบบนี้ทำให้แม้แต่คนที่กำลังลดความอ้วนก็สามารถกินช็อกโกแลตที่ชอบได้ไม่ต้องยอมกัดฟันหันหลังได้ทานของโปรด แถมการได้กินช็อกโกแลตน้อยๆ เป็นบางครั้งในระหว่างการลดน้ำหนักยังช่วยให้เราไม่เกิดอาการสวาปามแบบไม่ยั้งเมื่อมีโอกาสได้กินหลังจากอดอยากปากแห้งช็อกโกแลตมานานอีกด้วย เพียงเท่านี้การลดน้ำหนักก็ง่ายขึ้นอีกเยอะเพราะเราไม่ต้องบอกลาช็อกโกแลต ของโปรดที่กินเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีเมื่อนั้น
ส่วนเรื่องสิวที่สาวเจ้า หรือหนุ่มน้อยโดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นกังวลกันนักหนานั้น ช็อกโกแลตก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการสำคัญ ทั้งที่จริงๆแล้ว ช็อกโกแลตทั้งไม่ได้ทำให้เกิดสิวและไม่ได้ทำให้สิวที่เป็นอยู่แล้วเลวร้ายลง สิ่งที่พึ่งระลึกก็คือ สิวเกิดจากการที่ต่อมไขมันในผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป และอาหารการกินก็ไม่ใช่สาเหตุสำคัญของการเกิดสิวอีกด้วยดังนั้นการกินหรือไม่กินช็อกโกแลตจึงไม่ได้ทำให้เกิดสิวมากขึ้นแต่อย่าใด
แล้ว ก็เรื่องของฟันผุ ไม่ว่าอาหารอะไรที่มีคาร์โบไฮเดรตโดยเฉพาะพวกแป้งกับน้ำตาลสามารถทำให้ฟันผุ ได้ทั้งนี้น ถ้ากินบ่อยๆและปล่อยให้มันอยู่ในปากเรานานๆถึงแม้ช็อกโกแลตเองมีน้ำตาลเป็น ส่วนผสมแต่ก็ไม่ทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายกว่าน้ำตาลจากอาหารชนิดอื่นตราบใดที่ เรารักษาสุขภาพอนามัยของฟัน ด้วยการบ้วนปากหรือแปรงฟันหลังจากการกินอาหาร หรือจะเคี้ยวหมากฝรั่งประเภทไม่มีน้ำตาลก็ยังช่วยได้ แล้วก็อย่าลืมไปหาหมอฟันทุก6เดือนด้วยหละ จะได้มีฟันแข็งแรงไว้กินของอร่อยๆอย่างช็อกโกแลตกันนานนาน

เรื่องช็อกโกแลตกับความอ้วน

มีการวิจัยเกี่ยวกับช็อกโกแลต การวิจัยนี้ทดสอบโดยอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีโดยมีชาย 7 คนหญิง 8 คน และแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มที่ 1 กิน dark chocolate วันละ 100 กรัม อีกกลุ่มหนึ่งกิน white chocolate 90 กรัม ทุกวันเป็นเวลา 15 วัน
ผลที่ได้คือกลุ่มที่กิน dark chocolate ทุกคนมีความดันโลหิตลดลง และมีความไวต่ออินซูลินซึ่งเป็นตัวสำคัญในการเผาผลาญน้ำตาลมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่กิน white chocolate ความดันโลหิตไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากว่า dark chocolate มีระดับฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมาก ซึ่งเป็นสารเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยลดอาการอุดตันของหลอดเลือดอีกด้วย ส่วน white chocolate ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่า นมอาจเป็นตัวที่ขัดขวางการดูดซับฟลาโวนอยด์ นอกจากนี้ในงานวิจัยยังระบุอีกด้วยว่าควรกิน dark chocolate ในปริมาณเทียบเคียงกับระดับแคลอรี่ที่เราทานในแต่ละวัน โดยที่ dark chocolate 100 กรัมให้พลังงาน 500 แคลอรี่ค่ะ ง่ายๆ ก็ทาน dark chocolate วันละ 100 กรัมก็ได้
เคล็ดลับของสูตร “Chocolate Diet” อยู่ที่คาเฟอีนในช็อกโกแลต ซึ่งสามารถกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายได้ โดยเราต้องกินช็อคโกแลตแท้แบบไม่มีน้ำตาล หรือแบบที่มีน้ำตาลไม่เกินร้อยละ 40 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกายในมื้อนั้นขึ้นอีกร้อยละ 15 และในระหว่างวันนั้นก็กินช็อคโกแลตแบบที่มีน้ำตาลต่ำ ๆ เท่านั้นสักชิ้นสองชิ้นก็จะทำให้ความอยากกินของหวานน้อยลงด้วย แต่ต้องเป็นชิ้นเล็กๆไม่ใช่ชิ้นใหญ่เกินไป
สูตรการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดของแต่ละคนคือ สูตรผสม เอาทุกสูตรที่ดีที่เหมาะกับชีวิตประจำวันของเรามาปรับใช้ ไม่ลำบาก ไม่ฝืนเกินไปนั่นแหละดีที่สุด สูตร “Chocolate Diet” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยได้เหมือนกัน รู้แบบนี้แล้วไปหาซื้อ dark chocolate มากินกันเป็นครั้งคราวก็ดีเหมือนกันนะ

Credit: home-chocolate.com, howtoshapely.com, ladytip.com

เลือกกระเช้าปีใหม่อย่างไร ใส่ใจสุขภาพผู้รับ

ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่อีกแล้ว ตามห้างร้าน บริษัท และคนทั่วไป นิยมเลือกหากระเช้าปีใหม่ ไปมอบให้แก่ลูกค้า และผู้มีอุปการคุณ เพื่อเป็นการส่งมอบความสุขและน้ำใจเล็กๆน้อยในเทศกาลนี้ โดยที่กระเช้าปีใหม่ถือเป็นของเพิ่มยอดขายให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านรวงต่างๆ ต่างนำผลิตภัณฑ์อาหารมาจัดกระเช้ากันอย่างสวยงาม มากมายหลากหลายให้เลือก ในราคาที่แตกต่างออกไปตามแต่เทคนิคของแต่ละผู้ประกอบการ
ซึ่งการซื้อกระเช้าปีใหม่ในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังใช้ความสะดวกเป็นที่ตั้ง และมีตัวเลือกจริงๆน้อยมาก เพราะกระเช้าที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปนั้นจะประกอบด้วย ขนมกรุบกรอบ คุ๊กกี้ เวเฟอร์ ครีมเทียม กาแฟ น้ำผลไม้ ผลไม้แห้ง ซึ่งความจริงแล้วในปัจจุบันก็มีกระเช้าปีใหม่จากหลายๆที่หันมาใช้ไอเดียใส่ใจสุขภาพผู้รับ ทั้งผัก ผลไม้สด ขนมหวานแบบไทยสีสันสดใส และ สินค้าเพื่อสุขภาพต่างๆ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อส่งต่อความห่วงใยให้กับผู้รับอีกทาง หรือถ้าหากใครอยากจะลองจัดกระเช้าปีใหม่ให้ได้ประโยชน์แก่ผู้รับ ลองนำไอเดียนี้ไปจัดกระเช้าของตัวเองดูก็ได้

สิ่งที่ต้องคำนึงเมื่อเลือกกระเช้าปีใหม่

สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกนั้นไม่ได้เน้นที่ความสวยงาม ความเยอะ ความหรูหราท่านั้น แต่คุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆที่อยู่ในกระเช้าต้องมาเป็นอันดับแรก ควรเลือกผู้จำหน่ายที่ไว้ใจได้ และตรวจสอบวันเดือนปีที่ผลิตของสินค้าทุกชิ้นในกระเช้า โดยเช็ครายการสินค้าทุกชนิดโดยละเอียด โดยทางกรมอนามันแนะนำให้ดูทั้งชื่อ ที่ตั้ง สถานที่ผิต วัน เดือนปีที่ผลิต และวันหมดอายุ ฉลากข้อมูลโภชนาการควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สามารถอ่านได้ชัดเจน และควรสังเกตุลักษณะของบรรจุภัณฑ์ของสินค้าว่าอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ ไม่บวม ไม่เป็นสนิม รวมถึงไม่มีรอยรั่วที่อาจทำให้เชื้อโรคปะปนเข้าไปได้
โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้ออกประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการแสดงฉลากของอาหารจัดรวมในภาชนะ โดยมีข้อกำหนดดังนี้

กระเช้าของขวัญที่มีผลิตภัณฑ์อาหารจัดรวมอยู่ในภาชนะเดียวกัน โดยมีการหุ้มห่อ ไม่ว่าจะเป็น กระเช้า ตะกร้า กล่อง ถุง หรือภาชนะใด ๆ ต้องแสดงข้อความภาษาไทยที่เห็นได้ชัดเจน อ่านได้ง่าย และข้อความต้องแสดงรายละเอียด ได้แก่ ชื่อหรือประเภทหรือชนิดของอาหารแต่ละรายการที่บรรจุในกระเช้า วันเดือนปีที่หมดอายุหรือควรบริโภคก่อนของอาหารที่จัดรวมในภาชนะบรรจุ
หากผู้บริโภคพบเห็นการจำหน่ายกระเช้าปีใหม่ใส่ผลิตภัณฑ์หมดอายุ หรือไม่มีการแสดงฉลากตามข้อกำหนด สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 กรณีที่พบผู้จำหน่ายนำผลิตภัณฑ์อาหารหมดอายุมาจัดกระเช้า และผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพพบสิ่งที่น่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือมีการปนเปื้อนวัตถุอันตราย จะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่าผลิตภัณฑ์อาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง เช่น ไม่แสดงรายการผลิตภัณฑ์ ไม่ระบุวันหมดอายุหรือควรบริโภคก่อนจะมีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่จะนำมาใส่ในกระเช้าปีใหม่

สุรา ไวร์ เครื่องดื่มมึนเมา

นอกจากที่สุราและเครื่องดื่มมึนเมา จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแล้ว ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ถือว่า การจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ ต้องปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หากในกระเช้ามีเหล้าบางส่วน หรือเป็นเหล้าทั้งหมด ถือว่าผิดกฎหมาย หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้หลายๆหน่วยงานยังรณรงค์ให้งดการมอบสุราในช่วงปีใหม่ โดยสื่อความหมายว่าการมอบสุราและเครื่องดื่มมึนเมานั้น เท่ากับส่งต่อความตายให้กับผู้รับอีกด้วย

ผลไม้แปรรูป แยม และผลไม้กระป๋อง

อย่างที่ทราบกันดี ผลไม้แปรรูป แยม และผลไม้กระป๋องเป็นการทำให้ผลไม่สูญเสียคุณค่าอาหารมาก สิ่งที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ จะเป็นปริมาณน้ำตาลจำนวนมากที่ใช้เชื่อม เเช่อิ่มผลไม้นั้นนั่นเอง นอกจากนี้ หากสินค้าเหล่านี้ไม่ได้มาตรฐาน อาจเสี่ยงกับการได้รับเชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อเแบคทีเรียชนิดโบทูลินั่ม (botulinum) และเชื้อราอะฟลาทอกซิน (aflatoxin) อีกด้วย

ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด คุ๊กกี้ เวเฟอร์ และช็อกโกแลต

ต่อให้ขนมเหล่านี้มีราคาแพงแค่ไหนก็ตาม แต่ทุกผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาล้วนเป็นสิ่งที่ให้พลังงานสูง เเถมมีปริมาณแป้ง น้ำตาลและไขมันจำนวนมาก โดยเฉพาะ ไขมันทราน ซึ่งเป็นต้นเหตุของความอ้วนและโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด 9ล9 และหากสังเกตุที่ฉลาก GDAหน้ากล่องบรรจุภัณฑ์ ดีๆจะเห็นได้ว่าขนมเเต่ละชนิด มีปริมาณพลังงาน ไม่ต่ำกว่า 600-700 kcal ต่อกล่องเลยทีเดียว

กาแฟ โกโก้ เครื่องดื่มแบบชงสำเร็จ และครีมเทียม

สินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มให้พลังงานสูงเช่นกัน และอุดมไปด้วยน้ำตาล และ ไขมันทราน ที่เป็นบ่อเกิดของกลุ่มโรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง)มากมาย

เปลี่ยนเทรนใหม่มามอบกระเช้าปีใหม่เพื่อสุขภาพ

สำหรับกระเช้าปีใหม่เพื่อสุขภาพนั้น ควรเลือกสินค้าที่มีประโยชน์ อาจเลือกเป็นกระเช้าที่เป็นผลไม้สด หรือ ผักสดปลอดสารพิษ พร้อมน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันมะกอก ก็ได้
สินค้าที่ใช้ทดแทนขนมกรุบกรอบ แยม และ เวเฟอร์ คุ๊กกี้ อาจเลือกเป็น ถั่ว อัลมอน วอลนัท ธัญพืชต่างๆ ที่ไม่ทอดหรืออบผสมเกลือ ข้าวอบกรอบรสธรรมชาติ เนยถั่วแบบไม่เติมน้ำตาล หรือ มอบข้าวโอ๊ต มูสรี่ เเทน การให้ซีเรียลแบบปรุงแต่งรสชาติ
นอกจากนี้ยังใช้ ดาร์ช็อกโกเเลต ที่มีปริมาณโกโก้มากว่า 70% หรือเมล็ดกาแฟคั่วบด แทนการให้ช็อกโกแลตนมเป็นกล่องๆ และ กาแฟแบบซองพร้อมชงก็ได้ หรือ จะเปลี่ยนการให้กาแฟและครีมเทียม เป็นชาเขียว และชากลิ่นต่างๆพร้อมชุดน้ำชาเล็กๆก็สวยเก๋ไปอีกแบบ

เลือกไม่ได้บริหารการกินของในกระเช้าอย่างไร

พูดมาถึงตรงนี้หากเราได้รับกระเช้าแบบเดิมๆมาจะทำอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่หลีเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นวิธีการที่ง่ายและเป็นพื้นฐานคือ เราควรตรวจสอบฉลากโภชาการของสินค้าโดยละเอียด และค่อยๆแบ่งรับประทานตามปริมาณที่เหมาะสมที่ฉลากแนะนำไว้ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะความจริงไม่ว่าอาหารอะไรก็ตาม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพ ถ้าหากเราไม่ทานมันมากเกินความพอดี

เรียบเรียง: lovefitt.com
credit: ข่าวประชาสัมพันธ์ กองควบคุมโรคฉบับที่ 9 ปี 2558 / ธันวาคม 2557, thainht.org, health.kapook.com/

ทายนิสัย จากบริเวณในบ้านที่ชอบอยู่

ทายนิสัยจากบริเวณในบ้านที่ชอบอยู่
ทายนิสัยจากบริเวณในบ้านที่ชอบอยู่
ทายนิสัยจากบริเวณในบ้านที่ชอบอยู่ 

           เคยนึกแปลกใจกันบ้างไหม ว่าทำไมเวลาอยู่บ้าน บางคนถึงได้ชอบอยู่แต่ในห้องนอนเสียนักหนา แต่บางเจ้าก็เอาแต่นอนขลุก อยู่ในห้องพักผ่อนอยู่นั่นแล้ว จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ ได้บอกเอาไว้ว่าการชอบอยู่ในแต่ละที่แต่ละห้องภายในบ้านของคน เรานั้น ก็สามารถบอกถึงนิสัยใจคอได้ งั้นมาดูกันสิว่านิสัยใจคอของเราเป็นอย่างไรบ้าง ?

ชอบอยู่ในห้องนอน

             สำหรับคนที่ชอบขลุกอยู่ใสห้องนอนของตนเองเป็นส่วนใหญ่นั้น จะเป็นคนที่ชอบความละเมียดละไม ยิ่งถ้ามีความรักจะโรแมนติกที่สุดและเป็นคนที่มีความรักเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชอบอยู่ในสิ่งแวดล้อมซึ่งเต็มไปด้วยความรักใคร่ บางครั้ง จึงเหมือนคนเจ้าชู้ แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับเป็นคนขี้เหงา ช่างว้าเหว่ อ้างว้างอยู่นั่นแล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่ได้พบความรักอันมั่นคงอบอุ่น หัวใจ ก็จะกลายเป็นคนที่ไม่เจ้าชู้หรือหนีไปไหนอีกเลย

ชอบอยู่ในห้องนั่งเล่น

             สำหรับคนที่ชอบอยู่ในห้องนั่งเล่นมากที่สุดนั้น บอกถึงความเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยมเลยทีเดียว และยังเป็นคนที่เปิดเผยตัวเอง ชอบการได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนมากหน้าหลายตาในวัฒนธรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่มีความร่าเริง เป็นเสน่ห์ ทั้งยังเป็นคนใจดีอ่อนหวาน ชอบช่วยเหลือและบริการคนอื่น และแน่ล่ะก็เขาผู้นี้ต้องการเป็นที่ชื่นชอบประทับใจของใคร ๆ เหลือเกินนี่

ชอบอยู่ในห้องครัว

             อุปนิสัยของคนที่ชอบอยู่ในห้องครัวมากที่สุดนั้น ใคร ๆ คงนึกว่าเขาคนนั้นเป็นนักบริโภคตัวฉกาจแน่ ๆ แต่จากการวิเคราะห์แล้ว หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ แต่กลับบอกถึงความเป็นผู้ที่มีนิสัยจิตใจดี ใครอยู่ด้วยมักรู้สึกสบายใจ ทั้งยังมีเหตุผลเข้าใจชีวิตได้ดียิ่งใครมีปัญหาอะไรมาปรึกษาก็จะรับฟังและช่วยแก้ไขได้เป็นอย่างดี ชอบการเอาอกเอาใจหรือบริการคนใกล้ชิดให้ได้รับความสุข นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชอบความเรียบง่าย และไม่มีแบบแผนกับชีวิตมากนัก

ชอบอยู่ในห้องน้ำ

             ปัจจุบันนี้ห้องน้ำก็เป็นอีกห้องภายในบ้านที่ได้รับความสำคัญไม่แพ้ห้องใด ๆ เลย โดยเฉพาะในสายตาของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มองว่าห้องน้ำเป็นเพียงห้องทำธุระส่วนตัวเท่านั้น แถมบางคนถึงกับใช้เป็นห้องพักผ่อนส่วนตัวไปเลยก็มี ส่วนอุปนิสัยของคนที่ชอบอยู่ใน ห้องน้ำมากที่สุดนี้จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพอนามัยของตนเองเป็นพิเศษและใช้ชีวิตในทุก ๆ เรื่องด้วยสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ตนหาได้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเอามาก ๆ เสียด้วย

ชอบอยู่ในห้องโถง
             คนที่ชอบอยู่ในห้องโถงของบ้าน ซึ่งเป็นห้องรวมสำหรับสมาชิกทุก ๆ คนในบ้านนั้น มักจะเป็นคนที่มีลักษณะของพ่อบ้านแม่บ้านค่อนข้างสูง บุคลิกอบอุ่นและสนุกสนานร่าเริง มีความเป็นกันเองกับทุก ๆ คน เข้ากับคนง่ายและก็มักจะได้รับความชื่นชมจากคนรอบข้างง่ายเสียด้วย รู้จักการประนีประนอมต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก มีความมานะและพยายามทำทุกอย่างเพื่อบ้านและครอบครัวที่ตนรัก

ชอบอยู่ในห้องรับประทานอาหาร

             แน่ล่ะห้องนี้ย่อมเป็นคนละห้องกับห้องครัว ดังนั้นนิสัยของคนที่ชอบอยู่ในห้องนี้จึงแตกต่างกันไป คือคนที่ชอบอยู่ในห้องรับประทานอาหารนี้ มักจะเป็นคนที่ออกไปทางอนุรักษนิยมสูง และก็ยึดติดอยู่ในขนบธรรมเนียมดั้งเดิมที่ตนคุ้นเคยมาอย่างมั่นคง ทั้งยังหวาดหวั่นต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย แต่ว่าก็เป็นคนที่จิตใจสงบเยือกเย็นดีอย่างผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ให้ ความสำคัญต่อสถาบันของครอบครัวอย่างสูงส่งอีกด้วย

ชอบอยู่ในห้องส่วนตัว

             ณ ที่นี้ ห้องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องเป็นห้องนอนเสมอไป หากแต่คือห้องใดก็ได้ ที่อยู่แล้วรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวของตนเองมากที่สุด ซึ่งบางคนอาจจะยกให้ห้องน้ำ ซึ่งนั่นก็ไม่ผิดแต่ประการใด ผู้ที่ชอบอยู่ในห้องส่วนตัวมากที่สุดนี้ มักเป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง มีลักษณะของนักคิดนักวางแผน ทำอะไรสักอย่างก็มีขั้นตอนละอียดถี่ถ้วน จึงมักได้รับความนิยมยกย่องจากผู้ใกล้ชิดสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีระเบียบวินัยสูงจนเหมือนคนจู้จี้จุกจิก
ชอบอยู่ในห้องทำงานอดิเรก

             หัวข้อนี้สำหรับผู้ที่รักงานอดิเรกที่จำเป็นต้องมีห้องหับต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นนักประดิษฐ์คิดค้น หรือบรรดาสตรีที่ชอบงานเย็บปักถักร้อย และก็มักจะชอบขลุกอยู่ในห้องที่ว่านี้ครั้งละนาน ๆ อีกต่างหาก อุปนิสัยของคนที่ชอบอยู่ในห้องนี้บอกถึงการเป็นคนที่ชอบพึ่งพาตนเอง และมีความคาดหวังสูงที่จะพาชีวิตให้ไปสู่ความสำเร็จอย่างที่ต้องการ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็วางตัวเป็น และเข้าสังคมได้เก่งทีเดียว

ชอบอยู่ตรงระเบียงบ้าน

             คนที่ชอบนั่งเล่นนอนเล่นบริเวณระเบียงบ้านมากที่สุดนั้น บอกถึงนิสัยที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องของความอิสระเสรีเป็นอย่างยิ่งชอบทำงานโดยใช้ความคิดและจินตนาการของตนมากกว่าทำตามบังคับบัญชาและแน่นอนว่างานนั้นจะต้องไม่เป็นงานไร้สาระหรืองานที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ขณะเดียวกันก็ชอบการเดินทาง รวมทั้งการใช้ชีวิตในที่แปลกถิ่น มีสิ่งให้ตื่นเต้นและได้ผจญภัยและก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์ในชีวิตได้อย่างไม่เกรงกลัว

ชอบอยู่ตรงสนามหญ้า

             ส่วนผู้ที่ชมชอบการได้อยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านหรือสวนหย่อมอะไรก็แล้วแต่ตามที่จะเรียกกันนั้น บ่งบอกถึงนิสัยของเขาผู้นั้น ว่าเป็นคนที่รักความสนุกสนาน ชอบชีวิตที่มีอิสระเสรี และเป็นคนที่มีความเรียบง่าย ติดดิน ในขณะเดียวกันก็มีความอดทนสูง และยังเป็นคนที่ใจกว้าง สามารถเรียนรู้หรือรับสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากจนซับซ้อน แต่เปิดเผยมาก ซึ่งบางครั้งก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับตนเองไปเหมือนกัน

อยู่ได้ทุกที่ภายในบ้าน

             ส่วนคนที่ไม่ชอบอยู่ในห้องหรือบริเวณหนึ่งบริเวณใดของบ้านเป็นพิเศษ แต่ว่าสามารถอยู่ได้ในทุกที่ที่เป็นบ้านของตนนั้น บ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนรู้จักการออมชอม หรือมักจะประนีประนอมในทุกเรื่องนั่นเอง จึงเป็นคนที่สามารถเข้ากับคนได้ง่ายหรือปรับตัวเอง ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ได้ดี และยังเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้คนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ให้ความสนใจต่อเรื่องราวต่าง ๆ รอบตัวมากมายเหลือเกิน




ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://horoscope.kapook.com